
Muni Plus มูนิพลัส ฟื้นฟูเสริมภูมิคุ้มกัน ภูมิแพ้ ต้านไวรัส
ผู้ป่วยก้อนเนื้อต่างๆ ซีตส์ ยุบ ฝ่อ บำรุงปอด




ผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้ถึงการทำงานของสารอาหาร
แนะนำวิธีการทาน ทานแยก หรือต้องทานคู่ Muniplus และ Phyto5
กดสั่งด้านล่างด้วยตัวเองได้เลย หรือทักไลย์แอดได้น๊า

ลูกค้าถามบ่อยเรื่องของแท้หรือเปล่า คริปนี้ตอบคำถามเพิ่มความมั่นใจ
ส่งไทย-ลาว และต่างประเทศ


ก้อนเนื้อที่เต้านมกับซีสต์เต้านมแตกต่างกันอย่างไร?
เมื่อคลำเจอก้อนเนื้อที่เต้านม หลายคนมักคิดว่าเป็นเนื้องอกในเต้านม แต่จริงๆ แล้ว ก้อนเนื้อที่พบ อาจเป็นซีสต์ที่เต้านมก็ได้ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ล้วนจัดอยู่ในกลุ่มก้อนเนื้อ หรือถุงน้ำเต้านมชนิดที่ไม่ร้ายแรง (Benign Breast Disease) ไม่ทำให้เกิดอันตราย และจะไม่พัฒนาไปเป็นมะเร็งเต้านมด้วย
ก้อนเนื้อที่เต้านมกับซีสต์เต้านมนั้น จะมีความแตกต่างกันตรงที่ ก้อนเนื้อที่เต้านม ภายในก้อนจะเป็นเนื้อ หรือของแข็ง ในขณะที่ซีสต์เต้านม ภายในก้อนจะเป็นของเหลว ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างได้ด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ หรือใช้เข็มเล็กๆ ดูดออกมาดูว่ามีน้ำอยู่ภายในก้อนไหม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าก้อนเนื้อที่เต้านมกับซีสต์เต้านมจะจัดอยู่ในกลุ่มเดียว แต่ก็มีสาเหตุการเกิด ลักษณะอาการ และวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน เมื่อคลำเจอก้อนเนื้อที่เต้านมแล้ว จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนรักษาอย่างเหมาะสม
วิธีรักษาเนื้องอกเต้านมชนิดไม่ร้ายแรง
วิธีรักษาเนื้องอกเต้านมชนิดไม่ร้ายแรง มี 2 วิธี ได้แก่
-
- การรักษาด้วยความเย็นติดลบ (Cryoablation) เป็นการใช้เข็มเจาะเข้าไปจี้ที่ก้อนเนื้องอก แล้วปล่อยความเย็นติดลบเข้าไปทำให้เซลล์ก้อนเนื้องอกทั้งก้อนตายทันที หลังจากนั้นร่างกายจะสลายและดูดซึมเซลล์ที่ตายออกไปเองภายใน 6 เดือน
- การผ่าตัดเนื้องอกเต้านม เป็นการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อที่เต้านมออกโดยตรง มีอยู่ 3 วิธี ได้แก่
-
-
- ผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบ Wide Excision เป็นการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกมาทั้งก้อน พร้อมกับเลาะเอาเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆ ออกด้วย สามารถผ่าตัดออกได้ทั้งเนื้องอกขนาดเล็ก กลาง และใหญ่
- ผ่าตัดเนื้องอกเต้านมผ่านเข็ม ด้วยเครื่องเจาะดูดชิ้นเนื้อระบบสุญญากาศ (VAE) แพทย์จะใช้เข็มขนาดใหญ่สอดเข้าไปตัดก้อนเนื้องอกเป็นชิ้นเล็กๆ และทยอยดูดออกมาด้วยระบบสุญญากาศ โดยจะทำร่วมกับการใช้เครื่องอัลตราซาวด์นำทาง เพื่อทำให้เห็นก้อนเนื้อที่ต้องทำการรักษา
- ผ่าตัดเนื้องอกเต้านมแบบส่องกล้อง (Endoscopic Breast Surgery) เป็นการผ่าตัดโดยการเปิดแผลขนาดเล็ก แล้วสอดอุปกรณ์ผ่าตัดที่มีกล้องเอนโดสโคปขนาดเล็กติดอยู่ที่ส่วนปลายเข้าไปผ่าตัดเอาเนื้องอกเต้านมออกมา แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็กกว่าการผ่าตัดแบบ Wide Excision ทำให้ฟื้นตัวได้ไวกว่า
-
5 อาการ “เนื้องอกมดลูก” ก้อนเนื้อ(ไม่)ร้าย ที่ไม่ควรมองข้าม
เนื้องอกมดลูก (Myoma Uteri หรือ Uterine Fibroid) อาจเรียกได้ว่าเป็นโรคที่พบได้บ่อยของผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งสามารถพบได้ 1 ใน 3 ของวัยเจริญพันธุ์ และสามารถพบได้ถึงร้อยละ 25 ในผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป แม้ว่าเนื้องอกในมดลูกมีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นมะเร็ง แต่เมื่อเป็นแล้วก็สร้างความกังวลใจให้เราไม่น้อย โดยเนื้องอกมดลูกเกิดจากอะไร มีอาการเป็นอย่างไร มาดูข้อมูลไปพร้อมกันในบทความนี้
สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกมดลูก
เนื้องอกมดลูกนั้นเกิดจากเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกโตมากเกินปกติ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมและฮอร์โมนเพศหญิงที่ถูกสร้างที่รังไข่ในร่างกาย ทำให้เกิดเนื้องอกมดลูกขึ้นได้
เนื้องอกมดลูกมีกี่ชนิด
เนื้องอกมดลูกมีทั้งเนื้องอกที่ไม่ใช่เนื้อร้ายและชนิดที่เป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง แต่โดยส่วนใหญ่มากกว่า 80% เนื้องอกที่พบในมดลูกมักพบว่าเป็นเพียงเนื้องอกธรรมดาที่ไม่ใช่เนื้อร้ายเท่านั้น ลักษณะของเนื้องอกในมดลูกเรียกตามตำแหน่งที่เกิดขึ้น ดังนี้
- เนื้องอกยื่นเข้าไปในโพรงมดลูก (Submucosal fibroid)
- เนื้องอกในกล้ามเนื้อมดลูก (Intramural fibroid)
- เนื้องอกนอกผนังมดลูก (Subserosal fibroid)
เนื้องอกมดลูก อาการเป็นอย่างไร
สำหรับในช่วงแรกมักไม่มีอาการหรือสัญญาณเตือนให้ทราบ แต่มักพบเจอได้จากการตรวจภายในผ่านการตรวจสุขภาพประจำปี และจะเริ่มพบอาการเมื่อก้อนเนื้องอกนั้นมีขนาดใหญ่มากขึ้นแล้ว โดยอาการมีดังนี้
1. ประจำเดือนมาผิดปกติ
มักพบว่ามีประจำเดือนมามากผิดปกติ ประจำเดือนมานาน มาแบบกะปริดกะปรอย มาบ่อยผิดปกติ รวมถึงมีลิ่มเลือด หรือเป็นก้อนเลือดปนมาจนทำให้เกิดภาวะซีดได้ โดยอาการเหล่านี้นับว่าเป็นสัญญาณเตือนและอาการบ่งชี้แรกๆ สำหรับความผิดปกติของเนื้องอกมดลูก
2. ปวดท้องน้อย
อาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดท้องบริเวณอุ้งเชิงกราน ปวดหน่วงๆ คล้ายกับปวดท้องประจำเดือนแต่ไม่ได้เป็นประจำเดือน อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้จากการเปลี่ยนแปลงของขนาดของก้อนเนื้องอก และการกดเบียดอวัยวะอื่นๆ ในอุ้งเชิงกรานได้
3. ท้องผูก
บางรายอาจพบว่าตัวเองมีอาการปวดหน่วงที่ทวาร ขับถ่ายลำบาก ท้องผูกเป็นประจำ อุจจาระลำเล็กลง เนื่องจากเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปกดทับบริเวณลำไส้ตรง หรือบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ต่อกับทวารหนัก ทำให้เกิดปัญหาในการขับถ่ายได้
4. ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะลำบาก
เนื่องจากก้อนเนื้อที่ใหญ่ขึ้นอาจไปกดทับหรือเบียดกับกระเพาะปัสสาวะได้ ซึ่งในรายที่ก้อนเนื้ออยู่ด้านหน้าของกระเพาะปัสสาวะจะทำให้มีอาการปวดปัสสาวะบ่อย หรือในรายที่เนื้องอกอยู่ด้านหลังของกระเพาะปัสสาวะก็อาจทำให้ปัสสาวะลำบากมากขึ้นได้
5. คลำเจอก้อนที่ท้องน้อย
ในรายที่ก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีจำนวนก้อนเนื้องอกมากขึ้น ก็อาจจะคลำพบก้อนเนื้อที่บริเวณท้องน้อย รวมถึงอาจสังเกตได้ว่าท้องน้อยโตขึ้น แม้ไม่ได้รับประทานอาหารจำนวนมากได้
นอกจากนี้อาจมาด้วยเรื่องของภาวะมีบุตรยากหรือแท้งบุตรได้ เพราะเนื้องอกขวางกั้นการฝังตัวของตัวอ่อนได้เช่นกัน
แนวทางการรักษาเนื้องอกมดลูก มีวิธีไหนบ้าง
การรักษาเนื้องอกมดลูกจะขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอก โดยมีแนวทางการรักษา ดังนี้
- การตรวจติดตามและใช้ยาเพื่อควบคุมอาการผิดปกติ ในผู้ที่มีอาการไม่มาก หรือเนื้องอกมดลูกที่มีขนาดเล็ก แพทย์จะนัดติดตามเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงอาการและขนาดเนื้องอกมดลูก และให้รับประทานยาในรายที่พบอาการผิดปกติร่วมด้วย เช่น เพื่อบรรเทาอาการปวด หยุดเลือดที่ออกมากผิดปกติ ลดขนาดและควบคุมไม่ให้ก้อนเนื้องอกใหญ่ขึ้น
- การผ่าตัด พิจารณาผ่าตัดในผู้ป่วยที่เนื้องอกมดลูกมีขนาดใหญ่ หรือมีอาการผิดปกติที่ไม่สามารถรักษาด้วยยาได้ โดยการผ่าตัดสามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดส่องกล้องและการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ทั้งนี้วิธีการผ่าตัดอาจต้องพิจารณาตามแต่ละบุคคลดังนี้
- ผ่าตัดเนื้องอกมดลูก เป็นการผ่าตัดเพื่อเอาเฉพาะก้อนเนื้องอกออก ซึ่งจะพิจารณาผ่าตัดในผู้ป่วยที่ยังไม่มีบุตร หรือยังต้องการที่จะมีบุตรเพิ่ม
- ผ่าตัดมดลูก มักทำในผู้ป่วยรายที่ไม่ต้องการมีบุตร หรือมีบุตรเพียงพอแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการผ่าตัดมดลูกแบบมะเร็ง ใช้รักษาในรายที่ก้อนเนื้องอกมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งมาก ซึ่งการผ่าตัดจะทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งนรีเวชวิทยา และจำเป็นต้องมีการประเมินผู้ป่วยอย่างละเอียดก่อนการผ่าตัด
แม้ว่าโรคเนื้องอกมดลูกจะฟังดูไม่ร้ายแรง แต่หากปล่อยให้ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจส่งผลต่อการทำงานของระบบอื่นๆ ในร่างกายซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ อีกทั้งอาการแรกเริ่มสังเกตได้ยาก รวมถึงหลังการรักษาแล้วก็ยังสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ดังนั้น ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ควรเข้ารับการตรวจภายในตามความถี่ที่เหมาะสมกับช่วงอายุเป็นประจำ และหากพบว่าประจำเดือนมามากผิดปกติ ปวดท้องประจำเดือนมาก ควรเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อค้นหาความผิดปกติดังกล่าว
☑️ กำจัดเซลล์เสื่อม เซลล์ตาย ลดอาการอักเสบของเซลล์
ซ่อมแซมเซลล์ในร่างกายและเร่งการสร้างเซลล์เกิดใหม่ให้แข็งแรง และยืดอายุเซลล์ดีให้ยาวขึ้น
☑️ ยับยั้งการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ป้องกันการเกิดใหม่ของเซลล์มะเร็ง
และช่วยฟื้นฟูร่างกายในผู้ป่วยที่ทำเคมีบำบัด ให้ฟื้นตัว เร็วขึ้น ไม่อ่อนเพลีย ไม่เหนื่อยง่าย
☑️ เพิ่มประสิทธิภาพเซลล์เม็ด เลือดขาวโดยเพิ่มความแข็งแรงที่เยื่อหุ้มเซลล์
ช่วยชะลอความเสื่อมของ เซลล์และช่วยเร่งสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ
สั่งซื้อเพจนี้ดูแลโดยตัวแทนบริษัท
รีวิวลูกค้า MuniPlus ก้อนเนื้อร้าย ซีสต์ เนื้องอก ถุงน้ำ






Muniplus+Phyto5 เซ็ตต้านมะเร็ง

ตัวแทนบริษัท Ultimate Innotech โดยตรง





ส่ง Muniplus & Phyto5 ส่งจริงทุกวัน มีเก็บเงินปลายทาง




